ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์การตลาดออนไลน์นั้นมาแรงเสียจริง ๆ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเล็กใหญ่หันมาทำการตลาดออนไลน์ นั่นคือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะซื้อสินค้าและบริการใด นิยมค้นข้อมูลและซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ไหนจะเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ทำให้ปัจจุบันไม่ว่าจะต้องการซื้อสินค้าและบริการอะไรก็สามารถทำง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว แต่หากพูดถึงเทรนด์การตลาดที่มาแรง ต้องยกให้กับการทำ SEO และการลงโฆษณาออนไลน์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปัจจุบันมีบริษัท รับเขียนบทความ seo รวมถึงบริษัทรับลงโฆษณาออนไลน์เกิดขึ้นจำนวนมาก และท่านเจ้าของธุรกิจทราบหรือไม่ว่าการตลาดออนไลน์ทั้ง 2 แบบนี้ แตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีต่อธุรกิจคุณมากกว่ากัน
SEO และการทำโฆษณาออนไลน์ แตกต่างกันอย่างไร
แม้จะเป็นการตลาดออนไลน์เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีวิธีทำการตลาดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด สำหรับ SEO หรือ Search Engine Optimization คือการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์และเนื้อหาในเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับเกณฑ์การให้คะแนนจาก Search Engine และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์จากผู้เยี่ยมชม โดยเฉพาะคอนเทนต์คุณภาพและทันสมัย เพราะยิ่งคอนเทนต์น่าสนใจยิ่งมีโอกาสทำให้กลุ่มเป้าหมายกดเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์บ่อย ๆ
ปัจจุบันจึงมีหลายบริษัท รับเขียนบทความออนไลน์ ลงเว็บไซต์ เพื่อให้ท่านเจ้าของธุรกิจอัปเดตคอนเทนต์สดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งหากมีคะแนนสูงก็แน่นอนว่าเว็บไซต์มีโอกาสติดหน้าแรกการค้นหา แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะการทำ SEO ต้องใช้เวลาขั้นต่ำประมาณ 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์ไปในทิศทางที่ดี
สำหรับการทำโฆษณาออนไลน์หรือการซื้อ Google Ads คือการซื้อโฆษณาออนไลน์ผ่าน Google ความได้เปรียบของการซื้อโฆษณาผ่าน Search Engine ที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกอย่าง Google แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายสามารถค้นเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายและเจาะจงได้ตามคีย์เวิร์ดที่ต้องการ สามารถเลือกลงโฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่ง วิดีโอ หรือตัวหนังสือ
ไขข้อข้องใจ SEO กับโฆษณาออนไลน์ แบบไหนดีกว่า
เมื่อทั้งการทำ SEO และการซื้อโฆษณาออนไลน์ มีแนวโน้มได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นเทรนด์ที่ธุรกิจเล็กใหญ่จำนวนมากให้ความสนใจ เพราะฉะนั้นเจ้าของธุรกิจอาจมีคำถามว่าการทำ SEO หรือการซื้อโฆษณาออนไลน์แบบไหนดีกว่าและคุ้มค่ากับการลงทุนมากกว่า เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าการตลาดทั้งสองรูปแบบมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นที่จุดเด่นของการทำ SEO ซึ่งวิธีนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด เพราะอาศัยแค่การจัดระเบียบเว็บไซต์ให้เป็นไปตามเกณฑ์การให้คะแนน รวมถึงการผลิตคอนเทนต์สดใหม่เพื่อให้เว็บไซต์อัปเดตเสมอ จึงไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณก้อนใหญ่ในการทำการตลาด แต่ถึงอย่างนั้นข้อเสียเปรียบของ SEO คือต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ จึงเหมาะสำหรับการทำการตลาดระยะยาวและยังต้องอาศัยความสม่ำเสมออีกด้วย
การซื้อโฆษณาออนไลน์ก็มีข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกัน โดยจุดเด่นของการซื้อโฆษณาออนไลน์คือสามารถเลือกได้ว่าจะลงโฆษณาเป็นภาพ วิดีโอ หรือข้อความ รวดเร็วทันใจเพราะกดซื้อเมื่อไหร่ โฆษณาจะแสดงผลทันที อีกทั้งยังเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ เลือกช่วงเวลาที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาได้ แต่ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและเมื่อหยุดซื้อโฆษณา กลุ่มเป้าหมายจะไม่เห็นโฆษณาอีก ตรงกันข้ามกับการทำ SEO ที่หากสามารถดันให้เว็บไซต์ติดผลการค้นหาหน้าแรกได้แล้ว กลุ่มเป้าหมายยังมีโอกาสเห็นเว็บไซต์ได้ยาวนานกว่า
สำหรับท่านเจ้าของธุรกิจท่านใดที่อาจสงสัยว่าการตลาดทั้ง 2 แบบนี้แตกต่างกันอย่างไรและแบบไหนที่ดีต่อธุรกิจคุณ ต้องบอกว่าทั้งการทำ SEO และการลงโฆษณาออนไลน์ต่างมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นท่านเจ้าของธุรกิจควรตอบตนเองให้ได้ว่าวัตถุประสงค์การทำการตลาดคืออะไร หากต้องการผลักดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก แน่นอนว่าการใช้บริการบริษัท รับเขียนบทความ seo ย่อมตอบโจทย์ แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาจึงจะได้ผลลัพธ์น่าพอใจ แต่หากต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ออกแบบโฆษณาได้อย่างหลากหลาย มีงบประมาณส่วนหนึ่งพร้อมในการจ่ายค่าโฆษณา แน่นอนว่าการลงโฆษณาออนไลน์ตอบโจทย์มากกว่า
เมื่อเทรนด์การตลาดออนไลน์ทั้ง 2 รูปแบบมาแรงแบบนี้ หากคุณคือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้า อย่าลืมเลือกใช้เครื่องมือการตลาดทั้ง SEO และการลงโฆษณาออนไลน์ หากมีงบประมาณเพียงพอ ก็แนะนำให้เลือกทำการตลาดทั้ง 2 รูปแบบควบคู่กันไป เพื่อสร้างการจดจำ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์ให้เว็บไซต์และแบรนด์ของธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งผลถึงการเติบโตและยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง