การแปลอังกฤษเป็นไทย คือถ่ายทอดความหมายจากต้นฉบับมาเป็นภาษาแปลตามธรรมชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือการแปลตรงตัวและการแปลสรุปความ ซึ่งผู้ที่ รับแปลภาษาอังกฤษเป็นไทย จำเป็นต้องเรียนรู้การแปลทั้งสองชนิด การแปลตรงตัวเน้นความถูกต้องแม่นยำตรงตามต้นฉบับ เช่น การแปลตำราเรียนและคู่มือต่าง ๆ ส่วนการแปลสรุปความมีการเพิ่มคำหรือตัดความนำมาเรียบเรียบใหม่ให้อ่านรู้เรื่องสำนวนไพเราะและไม่ผิดไปจากเนื้อหาเดิม เป็นที่นิยมแพร่หลายและเหมาะกับการแปลบทความลงเว็บไซต์
ถ้ามีบทความภาษาอังกฤษอยู่แล้วต้องการแปลเป็นภาษาไทยให้ได้ทั้งความถูกต้องแม่นยำ ถูกหลักไวยากรณ์ และถ้อยคำสละสลวย มีหลักการดังนี้
1. กำหนดวิธีการว่าจะแปลตามตัวอักษร หรือแปลตามความหมาย
เพื่อให้ได้ภาษาแปลที่เหมาะกับวัตถุประสงค์การใช้งานที่ต้องการ
- วิธีการแปลตามตัวอักษร เหมาะกับงานแปลเนื้อหามีสาระจริงจังแนวเอกสารราชการ ตำราเรียน คู่มือการใช้งาน จดหมายธุรกิจ การทำสัญญาต่าง ๆ รวมถึงอาชีพเฉพาะทาง เช่น กฎหมาย แพทย์ ฉลากยา คอมพิวเตอร์ ฯลฯ สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือแปลได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะคำศัพท์เฉพาะทางในแต่ละงาน อาจมีคำที่ไม่รู้จักกันแพร่หลาย ผู้แปลควรมีความเข้าใจคำศัพท์และบริบทของงานเพื่อให้แปลออกเป็นภาษาสวยงามและถูกต้องสมบูรณ์ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้อ่านที่มีความเข้าใจคำศัพท์ทางวิชาการอยู่แล้ว จึงอ่านรู้เรื่อง ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
- วิธีการแปลตามความหมาย เป็นงานถอดความที่เหมาะกับการเขียนให้คนทั่วไปอ่าน เหมาะกับสื่อทุกประเภท ภาษาฉบับแปลถอดความหมายโดยสรุปเนื้อหาหลักของต้นฉบับแล้วเรียบเรียบใหม่ถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านเข้าใจมากที่สุด ไม่ต้องรักษาโครงสร้างหรือเรียงตามลำดับไวยากรณ์อย่างเคร่งครัด สรุปเนื้อหาดีน่าอ่านแต่ไม่บิดเบือนเนื้อหาไปจากต้นฉบับเดิม สิ่งสำคัญคือภาษาแปลควรเป็นภาษาระดับเดียวกับต้นฉบับ ควรเลือกคำศัพท์และใช้ภาษาได้เหมาะสม เลือกใช้ลีลาการเขียนที่สอดคล้องกับเรื่องที่แปล เช่น วรรณกรรม การถ่ายทอดข้ามภาษาควรใช้กลวิธีการเขียนเชิงภาพพจน์ให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพคล้อยตาม
2. ใช้ภาษาเหมาะสมและสละสลวยอ่านง่าย
ต้องมีความรู้ทั้งภาษาอังกฤษจากต้นฉบับและภาษาไทยอย่างดีเยี่ยม อ่านทำความเข้าใจต้นฉบับเพื่อให้เข้าใจวิธีคิดและจุดมุ่งหมายของผู้เขียนก่อน จากนั้นจึงแปลออกมาตามเนื้อหาอย่างถูกต้องชัดเจน สามารถถ่ายทอดความหมายและอารมณ์จากผู้เขียนต้นฉบับให้ผู้อ่านได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยสรุปเนื้อหาหลักแล้วถ่ายทอดออกมาโดยเรียบเรียบใหม่เป็นประโยคสั้น ๆ ไม่ซับซ้อน ได้ภาษาที่สละสลวยเหมาะสมกับประเภทของงาน
ในกรณีที่งานแปลถูกต้องตามความหมาย แต่ตรงตัวแบบคำต่อคำมากเกินไปทำให้อ่านแล้วเข้าใจยากเนื่องจากรักษาบรรยากาศของต้นฉบับมากเกินไป ภาษาแปลจึงไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ความจริงแล้วการแปลบทความเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก จำเป็นต้องเรียบเรียงและขัดเกลาสำนวนภาษาให้สวยงามสละสลวย ผู้ รับแปลภาษาอังกฤษ ควรอ่านหนังสือสะสมคลังคำศัพท์และสำนวนมากขึ้นเพื่อซึมซับสำนวนภาษาในการแปลที่มีความสวยงาม ใช้ภาษากระชับ ไม่อ้อมค้อม เรียบเรียงขัดเกลาให้อ่านง่าย
3. ระมัดระวังการแปลบทความแล้วอ่านเข้าใจยาก
สาเหตุจากปัญหาเรื่องไวยากรณ์ เพราะวัฒนธรรมทางภาษาแตกต่างกันทำให้นักแปลที่ไม่แม่นเรื่องไวยากรณ์พบกับรูปประโยคซับซ้อนอาจจะแปลบทความออกมาผิดความหมาย แปลแล้วไม่สอดคล้องกับบริบท ทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะการแปลบทความที่มีสำนวนโวหารมาก หากไม่รู้ความหมายของคำศัพท์และไม่พบจากพจนานุกรม ไม่สามารถตีความวิเคราะห์ความหมาย ไม่เข้าใจความหมายแฝงและไม่สามารถตีความวิเคราะห์ จึงตัดทิ้งไม่แปลออกมาทำให้เนื้อหาในภาษาแปลคลาดเคลื่อนไปไกลจากภาษาต้นฉบับ วิธีการแก้ไขคือเรียนรู้เรื่องไวยากรณ์มากขึ้น สนใจใฝ่หาความรู้รอบตัวในทุก ๆ เรื่อง ระมัดระวังเลือกคำศัพท์ที่ถูกต้องนำมาเทียบเคียงกับต้นฉบับได้อย่างแม่นยำ จะทำให้ภาษาแปลอ่านง่ายขึ้น
การแปลภาษาแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง ข้อผิดพลาดมักมาจากกลวิธีการแปลแบบกึ่งตรงตัวยึดติดต้นฉบับภาษาอังกฤษมากเกินไป ผู้แปลขาดความเชี่ยวชาญด้านทักษะทางไวยากรณ์และเครื่องหมายวรรคตอน ทำให้เนื้อหาไม่ถูกต้องหรือตกหล่นไป อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความรู้รอบตัวด้านคำศัพท์ไม่มากพอ ล้วนส่งผลต่อคุณภาพของงานแปล ทำให้ขาดความเป็นธรรมชาติ ภาษาแปลดูแปลกแปร่ง อ่านแล้วเข้าใจยาก เหมือนอ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกครั้ง
ความจริงแล้วการแปลบทความเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เว็บไซต์ที่ต้องการใช้บทความแปล ควรเช็กข้อมูลบริการให้ครบถ้วนก่อนใช้บริการ รับแปลภาษาอังกฤษเป็นไทย แนะนำให้ขอดูประวัติผลงานเพื่อตรวจสอบว่านักแปลมีความเข้าใจทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยเป็นอย่างดี สามารถถ่ายทอดออกมาให้เข้าใจง่าย อ่านรู้เรื่อง และรักษาอรรถรสของเนื้อหาต้นฉบับไว้ได้